คนดีศรีกรมบัญชีกลาง : ข้าราชการพลเรือนดีเด่น ปี พ.ศ. ๒๕๕๓
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง : นักวิชาการคลังชำนาญการ
หน่วยงาน : สำนักงานคลังจังหวัดสุโขทัย
ความรู้และประสบการณ์ที่แบ่งปัน : ……หาแรงดึงดูดเพื่อสร้างพลังในตัวเอง…………...
หลาย ๆ คนมักถามดิฉันว่าทำไมถึงทุ่มเททำงานมากมาย หรือทำไมต้องทำงานนอกเวลาราชการ และมักมีคำพูดแนบท้ายเชิงให้กำลังใจว่า “ประเทศชาติไม่ใช่ของเรา” “เราไม่ทำคนอื่นก็ทำได้” “ทำงานอย่างไรก็ไม่มีวันเสร็จหรอก” จึงมักตอบคนเหล่านั้นสั้นๆ เพื่อไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาวว่า “เพราะเกิดมาเพื่อสิ่งนี้” นั้นเป็นเพราะเราเลือกแล้วว่าจะเดินบนเส้นทางนี้ จึงไม่มีเหตุผลใดที่จะหยุดหรือปฏิเสธงาน เช่นเดียวกัน คนที่ถามคำถามนี้ ส่วนใหญ่ก็เกิดมาเพื่อสิ่งนี้เหมือนกัน แต่ทำไมเราจึงแสดงออกเป็นการกระทำที่แตกต่างกัน ส่วนหนึ่งเชื่อว่าคนเรามีแรงดึงดูดในการที่จะสั่งให้ตัวเองมีทัศนคติหรือแสดงออกต่องานที่แตกต่างกัน โดยปกติคนเราจะเจอกับแรงต้านในการทำงานอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่มีใครอยากทำงานหนัก อยากเหนื่อย ไม่มีใครอยากนอนดึกหรือตื่นเช้า จึงมักเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น หรือรับเอาความคิดเห็นของคนอื่นที่ไม่สร้างสรรค์มาพินิจพิเคราะห์เสมอ แล้วเราก็จะรีบตอบตัวเองว่า ทำแบบพอดีพอได้ หรืองานหน้าค่อยว่ากันใหม่ หลายคนจึงหมดโอกาสที่จะสร้างพลังในตัวเอง แต่สิ่งที่ดิฉันมักนึกถึงอยู่เสมอเมื่อได้รับมอบหมายงาน คือ ความรับผิดชอบ และจะวาดฝันถึงเป้าหมายหรือผลสำเร็จของงานก่อนเสมอ จึงเป็นความรู้สึกที่ท้าทายว่าจะต้องพยายามทำงานให้เกิดผลงานที่ดีที่สุด และมีความเชื่อว่าเราจะสามารถทำได้ จึงเป็นแรงดึงดูดที่ทำให้เรามีพลังในการทำงานต่างๆ ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ และเมื่อผลงานสำเร็จย่อมสร้างความภาคภูมิใจกับตนเองว่าได้ทำงานอย่างเต็มที่แล้วและเกิดผลเป็นที่พอใจ (ถ้าเราพอใจนะ) โดยไม่จำเป็นต้องมีคำชื่นชมจากใคร เราก็จะเกิดความสุขจากการทำงานได้ไม่ยาก เชื่อว่าถ้าใครลองเริ่มต้นปรับความคิดแบบนี้กับงานซักงานที่ทำ ลองตัดความคิดที่บ่อนทำลายพลังในตัวเรา แข่งขันกับความท้าทายในตัวเอง แล้วเราอาจจะติดใจในพลังที่เกิดขึ้นก็เป็นได้
วิธีคิดอีกอย่างสำหรับการประสบกับเพื่อนร่วมงาน เจ้านายหรือลูกน้อง หรือสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ไม่พึงปรารถนา ให้คิดว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ มันไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะเปลี่ยนผู้คนรอบๆ ตัวเรา งานและหน้าที่ของเรา คือ ทำตัวให้สอดคล้อง เหมาะสม เพียงพอ และพอใจกับสิ่งที่เราเป็นอยู่ และมุ่งมั่นให้ดีขึ้นจะดีกว่า และอย่าพยายามมีความคิดว่าเราเก่งหรือดีที่สุด เพราะนั่นหมายถึงการไม่พัฒนา แต่สิ่งที่ดิฉันคิดเสมอ คือ ทำอย่างไรให้ดีกว่าเดิม
ที่กล่าวทั้งหมด ไม่ได้หมายความว่าเราต้องใช้เวลาทั้งหมดของเราสำหรับการทำงานเท่านั้น แต่ต้องจัดสมดุลในชีวิตสำหรับเรื่องอื่นๆ ด้วย ไม่มีใครบอกได้ว่าสมดุลของแต่ละคนเป็นอย่างไร เอาเป็นว่าเรามีความสุข และคนรอบข้างมีความสุขและไม่เดือดร้อนน่าจะใช้ได้ หลายครั้งที่เราพยายามให้สิ่งบางสิ่ง คนบางคน สถานที่บางสถานที่ สร้างความสุขให้เรา แต่ความสุขนั้นกลับไม่เกิดขึ้น เพราะแท้จริงแล้ว สิ่งเดียว คนเดียว และสถานที่เดียวที่จะสร้างความสุขอย่างแท้จริงให้กับเรานั้น คือ ใจของเราเอง ตัวของเราเอง เท่านั้น ลองฝึกคิดบวก ชีวิตบวก (Positive Thinking, Positive Life) ตามหลักคิดของท่าน ว.วชิรเมธี กันนะค่ะ จะช่วยให้เกิดพลังในตัวเรามากขึ้นเลยทีเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แบ่งปันเพิ่มเติม