ผู้แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ : นางลักษมี ประกอบกิจ
คนดีศรีกรมบัญชีกลาง : ข้าราชการส่วนกลางดีเด่น ปี พ.ศ. ๒๕๕๐
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง : นักวิชาการคลังชำนาญการ
หน่วยงาน : สำนักมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
ความรู้และประสบการณ์ที่แบ่งปัน : ศีล สมาธิ ปัญญา กับการครองตน ครองคน และครองงาน
ศีล หมายถึง ข้อปฏิบัติทางพระพุทธศาสนาที่กำหนดการปฏิบัติกาย และวาจา เช่น ศีล ๕ ศีล ๘ เพื่อรักษากายวาจา ให้เรียบร้อย
สมาธิ หมายถึง การตั้งมั่นแห่งจิต ความสำรวจใจให้แน่วแน่เพื่อให้จิตใจสงบไม่ฟุ้งซ่าน ทำให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง
ปัญญา หมายถึง ความรอบรู้ ความรู้ทั่ว ความฉลาด ความเข้าใจชัดในสิ่งต่างๆ เกิดจากการเรียนรู้ การใช้ความคิด การฝึกฝน
ศีล สมาธิ ปัญญา กับการครองตน
- ศีล ผู้ที่รักษาศีลอยู่เสมอจะเป็นผู้ที่มีหลักประกันให้กับตนเอง ทำให้ตนเองมีความปกติสุข มีความสันติในระดับพื้นฐาน อย่างน้อยคนเราควรรักษาศีล ๕ ข้อ คือ เว้นจากทำลายชีวิต เว้นจากถือเอาของที่เขามิได้ให้ เว้นจากประพฤติผิดในกาม เว้นจากพูดเท็จ เว้นจากของเมา คือ สุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ทั้งนี้ เพื่อสร้างหลักประกันตนให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ประพฤติตนได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังทำให้ผู้อื่นเกิดความเชื่อถือในตัวเรา
- สมาธิ ผู้ที่รู้จักพัฒนาจิต จนทำให้จิตมีสมาธิ มีสติ เกิดความสว่างไสวผุดขึ้นในใจ ก็จะเกิดปัญญารู้แจ้งเห็นจริง ในเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้เข้าใจโลก เข้าใจชีวิตว่าเป็นสัจธรรม สามารถมองเห็นแก่นแท้ของปัญหาและแก้ไขปัญหา ที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง เห็นทางเจริญทางเสื่อมแห่งชีวิตตามที่เป็นจริง ส่งผลให้ตนเองมีความสุข มีขวัญและกำลังใจในการดำรงชีวิตและทำงานต่อไป
- ปัญญา ผู้มีปัญญาย่อมรู้จักผิดชอบชั่วดี รู้จักบาปบุญคุณโทษ รู้จักเหตุผล รู้จักฐานะของตนเอง และรู้จักประมาณตนเอง ไม่ฟุ้งเฟ้อ เห่อเหิม จนเกิดทุกข์
ผู้ที่ดำรงตนประพฤติปฏิบัติตนด้วยความสำรวมระวังศีล ไม่หลงสยบอยู่ในอารมณ์ที่น่ารักน่ากำหนัดยินดี และไม่หลงเครียดแค้นชิงชังในอารมณ์ที่ไม่น่ารักก็จะมีสมาธิ และมีปัญญา ศีลเป็นเครื่องมือชำระปัญญาให้บริสุทธิ์ ทำให้ไม่มีดวงจิตริษยา มีจิตที่สงบ มีใจที่เมตตา มีทัศนคติที่ดี ซึ่งจะส่งผลให้สุขภาพกาย สุขภาพใจดี ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ประสบแต่ความสุขและความเจริญก้าวหน้าตลอดไป
ศีล สมาธิ ปัญญา กับการครองคน
- ศีล ผู้ที่รักษาศีลนอกจากจะเป็นผู้มีหลักประกันชีวิตให้กับตนเองแล้ว ยังเป็นผู้มีหลักประกันให้แก่ผู้อื่นด้วย เนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์สังคมต้องมีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นในฐานะต่างๆ เช่น เพื่อนร่วมงาน เพื่อน ผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชา ฯลฯ ศีลจะเป็นตัวช่วยให้เราไม่เบียดเบียนเอารัดเอาเปรียบรังแกผู้อื่น ทำให้จิตปราศจากอคติ ทำให้เราเป็นผู้มีใจเมตตา รู้จักให้ความช่วยเหลือและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น เกื้อกูลกันในทางที่ชอบที่ควร
- สมาธิ ผู้ที่พัฒนาจิตให้เป็นจิตบริสุทธิ์ สำรวจ แน่วแน่ ก็จะมีสติสัมปชัญญะ สามารถมองเห็นและเข้าใจในความแตกต่างทางกายภาพ ความคิด จิตใจ และพฤติกรรมของบุคคลอื่นที่อยู่ร่วมกันในสังคม จิตที่พัฒนาแล้วจะมีประโยชน์ต่อคนอื่น ทำให้มีทิฐิเสมอกัน สร้างความเข้าใจกันโดยง่ายไม่แตกแยกทางความคิด ทำให้ปัญหาสังคมน้อยลง
- ปัญญา ผู้มีปัญญาย่อมรู้จักวางตนให้เหมาะสมกับผู้อื่น รู้เขารู้เรา รู้จักกาลเทศะ สามารถบริหารคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความสำรวมระวังศีล มีสมาธิ และมีปัญญา ก็จะเป็นที่รักใคร่ เป็นที่นับหน้าถือตา เป็น ที่น่าเชื่อถือแก่เพื่อนร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชา และผู้บังคับบัญชา สามารถประพฤติตนให้เข้ากับสังคม ปฏิบัติตนให้เหมาะสมและรู้จักประมาณ คือทำให้พอดี ไม่ขาด ไม่เกิน รู้จักกาลเทศะ ฯลฯ ก็จะสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเป็นสุข ทำให้เกิดความรักสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ อันจะส่งผลให้สังคมสงบและเป็นสุข
ศีล สมาธิ ปัญญา กับการครองงาน
- ศีล ผู้ที่มีศีลจะปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เสมอภาค ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ และถือปฏิบัติตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพอยู่เสมอ
- สมาธิ ผู้ที่มีสมาธิในการทำงาน จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รอบคอบ และถูกต้อง ไม่ถูกตำหนิ ติเตียน
-ปัญญา ผู้ที่มีความเพียรหาความรู้ เพื่อเพิ่มพูนสติปัญญา ความสามารถ และวิสัยทัศน์ให้มีความเฉียบคมและทันสมัยอยู่เสมอ จะเป็นผู้ที่มีผลงานที่ดี เป็นที่ยอมรับของเพื่อนร่วมงาน ผู้บังคับบัญชา และบุคคลทั่วไป และจะได้รับการสนับสนุนให้มีความเจริญ ก้าวหน้าในหน้าที่การงานก่อนเสมอ
ผู้ที่ปฏิบัติงานด้วยความสำรวมระวังศีล มีสมาธิ และมีปัญญา จะประสบความสำเร็จและความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างยั่งยืน สำหรับบุคคลผู้ประพฤติผิดศีลก็จะไม่สามารถประสบความสำเร็จและเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานโดยชอบธรรมได้ และถึงแม้จะถึงความสำเร็จได้ก็ไม่จีรังยั่งยืน ต้องคอยหวาดระแวงกลัวใครจะมาเปิดโปงความประพฤติของตนเองตลอดเวลา
ดังนั้น ผู้มีศีล สมาธิ ปัญญาอยู่เสมอย่อมสามารถครองตน ครองคน และครองงาน ได้ตลอดกาล
คนดีศรีกรมบัญชีกลาง : ข้าราชการส่วนกลางดีเด่น ปี พ.ศ. ๒๕๕๐
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง : นักวิชาการคลังชำนาญการ
หน่วยงาน : สำนักมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ
ความรู้และประสบการณ์ที่แบ่งปัน : ศีล สมาธิ ปัญญา กับการครองตน ครองคน และครองงาน
ศีล หมายถึง ข้อปฏิบัติทางพระพุทธศาสนาที่กำหนดการปฏิบัติกาย และวาจา เช่น ศีล ๕ ศีล ๘ เพื่อรักษากายวาจา ให้เรียบร้อย
สมาธิ หมายถึง การตั้งมั่นแห่งจิต ความสำรวจใจให้แน่วแน่เพื่อให้จิตใจสงบไม่ฟุ้งซ่าน ทำให้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง
ปัญญา หมายถึง ความรอบรู้ ความรู้ทั่ว ความฉลาด ความเข้าใจชัดในสิ่งต่างๆ เกิดจากการเรียนรู้ การใช้ความคิด การฝึกฝน
ศีล สมาธิ ปัญญา กับการครองตน
- ศีล ผู้ที่รักษาศีลอยู่เสมอจะเป็นผู้ที่มีหลักประกันให้กับตนเอง ทำให้ตนเองมีความปกติสุข มีความสันติในระดับพื้นฐาน อย่างน้อยคนเราควรรักษาศีล ๕ ข้อ คือ เว้นจากทำลายชีวิต เว้นจากถือเอาของที่เขามิได้ให้ เว้นจากประพฤติผิดในกาม เว้นจากพูดเท็จ เว้นจากของเมา คือ สุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ทั้งนี้ เพื่อสร้างหลักประกันตนให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ประพฤติตนได้อย่างเหมาะสม อีกทั้งยังทำให้ผู้อื่นเกิดความเชื่อถือในตัวเรา
- สมาธิ ผู้ที่รู้จักพัฒนาจิต จนทำให้จิตมีสมาธิ มีสติ เกิดความสว่างไสวผุดขึ้นในใจ ก็จะเกิดปัญญารู้แจ้งเห็นจริง ในเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น ทำให้เข้าใจโลก เข้าใจชีวิตว่าเป็นสัจธรรม สามารถมองเห็นแก่นแท้ของปัญหาและแก้ไขปัญหา ที่เกิดขึ้นได้อย่างถูกต้อง เห็นทางเจริญทางเสื่อมแห่งชีวิตตามที่เป็นจริง ส่งผลให้ตนเองมีความสุข มีขวัญและกำลังใจในการดำรงชีวิตและทำงานต่อไป
- ปัญญา ผู้มีปัญญาย่อมรู้จักผิดชอบชั่วดี รู้จักบาปบุญคุณโทษ รู้จักเหตุผล รู้จักฐานะของตนเอง และรู้จักประมาณตนเอง ไม่ฟุ้งเฟ้อ เห่อเหิม จนเกิดทุกข์
ผู้ที่ดำรงตนประพฤติปฏิบัติตนด้วยความสำรวมระวังศีล ไม่หลงสยบอยู่ในอารมณ์ที่น่ารักน่ากำหนัดยินดี และไม่หลงเครียดแค้นชิงชังในอารมณ์ที่ไม่น่ารักก็จะมีสมาธิ และมีปัญญา ศีลเป็นเครื่องมือชำระปัญญาให้บริสุทธิ์ ทำให้ไม่มีดวงจิตริษยา มีจิตที่สงบ มีใจที่เมตตา มีทัศนคติที่ดี ซึ่งจะส่งผลให้สุขภาพกาย สุขภาพใจดี ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ ประสบแต่ความสุขและความเจริญก้าวหน้าตลอดไป
ศีล สมาธิ ปัญญา กับการครองคน
- ศีล ผู้ที่รักษาศีลนอกจากจะเป็นผู้มีหลักประกันชีวิตให้กับตนเองแล้ว ยังเป็นผู้มีหลักประกันให้แก่ผู้อื่นด้วย เนื่องจากมนุษย์เป็นสัตว์สังคมต้องมีความสัมพันธ์กับบุคคลอื่นในฐานะต่างๆ เช่น เพื่อนร่วมงาน เพื่อน ผู้บังคับบัญชา ผู้ใต้บังคับบัญชา ฯลฯ ศีลจะเป็นตัวช่วยให้เราไม่เบียดเบียนเอารัดเอาเปรียบรังแกผู้อื่น ทำให้จิตปราศจากอคติ ทำให้เราเป็นผู้มีใจเมตตา รู้จักให้ความช่วยเหลือและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น เกื้อกูลกันในทางที่ชอบที่ควร
- สมาธิ ผู้ที่พัฒนาจิตให้เป็นจิตบริสุทธิ์ สำรวจ แน่วแน่ ก็จะมีสติสัมปชัญญะ สามารถมองเห็นและเข้าใจในความแตกต่างทางกายภาพ ความคิด จิตใจ และพฤติกรรมของบุคคลอื่นที่อยู่ร่วมกันในสังคม จิตที่พัฒนาแล้วจะมีประโยชน์ต่อคนอื่น ทำให้มีทิฐิเสมอกัน สร้างความเข้าใจกันโดยง่ายไม่แตกแยกทางความคิด ทำให้ปัญหาสังคมน้อยลง
- ปัญญา ผู้มีปัญญาย่อมรู้จักวางตนให้เหมาะสมกับผู้อื่น รู้เขารู้เรา รู้จักกาลเทศะ สามารถบริหารคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความสำรวมระวังศีล มีสมาธิ และมีปัญญา ก็จะเป็นที่รักใคร่ เป็นที่นับหน้าถือตา เป็น ที่น่าเชื่อถือแก่เพื่อนร่วมงาน ผู้ใต้บังคับบัญชา และผู้บังคับบัญชา สามารถประพฤติตนให้เข้ากับสังคม ปฏิบัติตนให้เหมาะสมและรู้จักประมาณ คือทำให้พอดี ไม่ขาด ไม่เกิน รู้จักกาลเทศะ ฯลฯ ก็จะสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเป็นสุข ทำให้เกิดความรักสามัคคี ร่วมแรงร่วมใจ อันจะส่งผลให้สังคมสงบและเป็นสุข
ศีล สมาธิ ปัญญา กับการครองงาน
- ศีล ผู้ที่มีศีลจะปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เสมอภาค ไม่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ และถือปฏิบัติตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพอยู่เสมอ
- สมาธิ ผู้ที่มีสมาธิในการทำงาน จะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รอบคอบ และถูกต้อง ไม่ถูกตำหนิ ติเตียน
-ปัญญา ผู้ที่มีความเพียรหาความรู้ เพื่อเพิ่มพูนสติปัญญา ความสามารถ และวิสัยทัศน์ให้มีความเฉียบคมและทันสมัยอยู่เสมอ จะเป็นผู้ที่มีผลงานที่ดี เป็นที่ยอมรับของเพื่อนร่วมงาน ผู้บังคับบัญชา และบุคคลทั่วไป และจะได้รับการสนับสนุนให้มีความเจริญ ก้าวหน้าในหน้าที่การงานก่อนเสมอ
ผู้ที่ปฏิบัติงานด้วยความสำรวมระวังศีล มีสมาธิ และมีปัญญา จะประสบความสำเร็จและความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างยั่งยืน สำหรับบุคคลผู้ประพฤติผิดศีลก็จะไม่สามารถประสบความสำเร็จและเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานโดยชอบธรรมได้ และถึงแม้จะถึงความสำเร็จได้ก็ไม่จีรังยั่งยืน ต้องคอยหวาดระแวงกลัวใครจะมาเปิดโปงความประพฤติของตนเองตลอดเวลา
ดังนั้น ผู้มีศีล สมาธิ ปัญญาอยู่เสมอย่อมสามารถครองตน ครองคน และครองงาน ได้ตลอดกาล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
แบ่งปันเพิ่มเติม