21/4/57

หลักความพอเพียงกับการปฏิบัติราชการ

ผู้แบ่งปันความรู้และประสบการณ์  :  นางสาวชลธิชา นวลน้อย
คนดีศรีกรมบัญชีกลาง  :  ข้าราชการส่วนกลางดีเด่น ปี พ.ศ. ๒๕๕๐
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง  :  นิติกรชำนาญการ
หน่วยงาน :  สำนักความรับผิดทางแพ่ง

ความรู้และประสบการณ์ที่แบ่งปัน : หลักความพอเพียงกับการปฏิบัติราชการ
      มีคำกล่าวว่า “หนึ่งงานที่เราได้รับมอบหมายเท่ากับเราได้เรียนรู้และมีประสบการณ์เพิ่มขึ้นหนึ่งสิ่ง”   เราจึงสามารถแสวงหาความรู้ได้ในทุกที่ทุกโอกาสโดยไม่จำกัด และความรู้มิใช่มีเพียงสิ่งที่ศึกษาในชั้นเรียนหรือห้องอบรมเท่านั้น หากแต่ยังมีสิ่งที่เราไม่รู้อีกมากมายภายนอก ในโลกนี้จึงไม่มีใครที่สามารถรู้ทุกสิ่งหรือเก่งทุกเรื่องแต่ละคนย่อมมีความรู้ความชำนาญเฉพาะด้านตามแต่ความสามารถในการแสวงหาความรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์มาปรับใช้ในการดำรงชีวิต
     ข้าพเจ้าได้มีโอกาสแสวงหาความรู้เพิ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อได้เข้ารับการอบรมหลักสูตรการพัฒนานักกฎหมายภาครัฐระดับกลาง (ระดับชำนาญการขึ้นไป) นอกเหนือจากการรับฟังคำบรรยายจากวิทยากรแล้ว ข้าพเจ้ายังได้มีโอกาสไปศึกษาดูงาน ณ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงเรือนจำชั่วคราว เขากลิ้ง จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการดำเนินงานของศูนย์เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้แก่นักโทษในการประกอบอาชีพภายหลังจากพ้นโทษแล้ว   อีกทั้งยังเป็นศูนย์ต้นแบบเพื่อให้ความรู้แก่เกษตรกรในพื้นที่ รวมถึงผู้สนใจมาศึกษาดูงาน ที่น่าสนใจคือภายในศูนย์มีเจ้าหน้าที่เพียง ๘ คน แต่ต้องดูแลนักโทษเป็นจำนวนมากถึงร้อยกว่าคน โดยที่ผ่านมาไม่เคยมีประวัตินักโทษหนีหรือก่อเหตุเหมือนเช่นเรือนจำอื่นๆ นักโทษแต่ละคนจะได้เข้ารับการฝึกอาชีพตามความถนัดและสนใจ เช่น การสร้างบ้านดินซึ่งเป็นบ้านที่อยู่อาศัยได้จริงและประหยัดพลังงาน การปลูกพืชผักปลอดสารพิษโดยใช้ธรรมชาติควบคุมธรรมชาติ การเลี้ยงสุกรแบบไม่มีกลิ่นเหม็น หรือที่เรียกว่า “หมูหลุม” เป็นต้น โดยที่นักโทษจะได้รับส่วนแบ่งกำไรจากการขายเป็นรายได้ส่วนหนึ่ง ทำให้นักโทษบางรายแม้จะพ้นโทษแล้วแต่ก็ยังประสงค์ทำงานในศูนย์ดังกล่าวต่อไป เนื่องจากเป็นวิถีชิวิตที่สุข สงบ  หากมีผู้ตั้งคำถามว่า ท่ามกลางกระแสโลกาภิวัตน์และเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ซึ่งอีกไม่นานในปี ๒๐๑๕ เราจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมอาเซียน เราจะปรับตัวเตรียมรับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงนี้อย่างไร สำหรับข้าพเจ้าเห็นว่า    การดำเนินชีวิตโดยใช้หลักความพอเพียงน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด คนที่ใช้ชีวิตพอเพียงย่อมมีความมั่นใจในตนเอง  ไม่หวาดหวั่นพรั่นพรึงต่อการตรวจสอบ สามารถดำเนินชิวิตอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์ คือ สุขภาพดี มีงาน มีทรัพย์จากความสุจริต พึ่งตนเองได้ มีศักดิ์ศรี เป็นที่ยอมรับ ครอบครัวผาสุก มีความภูมิใจ มีปัญญาแก้ไขปัญหา มีความโล่งใจจากการ   ทำกรรมดี ไม่หวั่นไหวต่อความผันแปรของโลก และดำรงอยู่ด้วยปัญญา
                        หลักความพอเพียง ที่ควรนำมาปรับใช้ในการดำรงชีวิต คือ
                        ๑. มีศีล มีวินัย ประพฤติสุจริต
                        ๒. ได้สดับมาก ศึกษาอย่างลึกซึ้งในสิ่งที่ตนเรียนรู้และใช้ได้จริง
                        ๓. รู้จักคบคนดี 
                        ๔. เป็นคนไม่ดื้อรั้น ดันทุรัง รับฟังข้อคิดเห็นของคนอื่น
                        ๕. เอาใจใส่ช่วยเหลือกิจธุระของผู้อื่นโดยเฉพาะชุมชนและสังคม
                        ๖. เป็นผู้รักในธรรมะ
                        ๗. มีความขยันหมั่นเพียร ไม่ย่อท้อ
                        ๘. มีความพึงพอใจในผลงานและผลสำเร็จของตนซึ่งแสวงหามาด้วยความชอบธรรม ไม่มัวเมาทางวัตถุ
                        ๙. มีสติมั่นคง ไม่ประมาท
                        ๑๐. มีปัญญาเหนืออารมณ์

                        อริสโตเติล กล่าวว่า ความดีงามสูงสุดที่มนุษย์ต้องมี ได้แก่ ๑) ความรอบรู้ ๒) ความยุติธรรม ๓) ความพอประมาณ และ ๔) ความกล้าหาญในวิชาชีพ ดังนั้น ในฐานะนักกฎหมายและข้าราชการที่ต้องปฏิบัติราชการเพื่อมุ่งเน้นให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชน จึงควรใช้หลักความพอเพียงในการดำรงชีวิต เพราะมนุษย์ผู้มีชีวิตที่พอเพียง มีความสุจริต เปิดเผย พร้อมที่จะให้ผู้อื่นตรวจสอบได้เสมอ ย่อมเป็นมนุษย์ที่ถึงพร้อมด้วย “หลักธรรมาภิบาล” ซึ่งจะช่วยให้มนุษย์อยู่ในกฎเกณฑ์ มีหลักการ มีอุดมการณ์ นำไปสู่การพัฒนาสังคมและประเทศชาติให้ดีขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แบ่งปันเพิ่มเติม