14/3/57

เทคนิคการสร้างแรงจูงใจในชีวิต

ผู้แบ่งปันความรู้และประสบการณ์  :  นางสาวพัชชา ปึงเจริญ
คนดีศรีกรมบัญชีกลาง  :  ข้าราชการส่วนกลางดีเด่น ปี พ.ศ. ๒๕๔๕
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง  :  นิติกรชำนาญการ
หน่วยงาน :  สำนักมาตรฐานค่าตอบแทนและสวัสดิการ  


ความรู้และประสบการณ์ที่แบ่งปัน :   เทคนิคการสร้างแรงจูงใจในชีวิต
          ถ้าวันไหนเรามีแรงจูงใจหรือกำลังใจในชีวิต น้อยกว่าปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นหรือกำลังจะเกิดขึ้น วันนั้นอาการที่แสดงออกมาคือ เบื่อ เซ็ง ขี้เกียจ ท้อแท้ ฯลฯ เปรียบเหมือนกับการที่เราขับรถยนต์ขึ้นภูเขา ถ้าวันไหนต้องขับขึ้นภูเขาที่สูงชันมากเกินกว่ากำลังเครื่องยนต์ของเราจะสู้ได้ วันนั้น รถยนต์ของเราก็คงจะหยุดอยู่กับที่หรือไม่ก็ลื่นไถลตกลงมาสู่ที่ต่ำ ถ้าวันไหนเรามีแรงจูงใจหรือกำลังใจ มากกว่าปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้นหรืออาจจะเกิดขึ้น วันนั้น อาการที่เราแสดงออกคือ สนุก ขยัน แรงฮึดเยอะ ไม่กลัว กล้าทำ กล้าลุย กล้าเสี่ยง ฯลฯ เปรียบเสมือนกับการที่เราขับรถยนต์ที่มีกำลังเครื่องยนต์แรงมากหรือเหมือนขับรถโฟวีลที่สามารถขับขึ้นภูเขา    ลูกไหนก็ได้ ลุยกับสภาพถนนแบบไหนก็ได้
          แรงจูงใจมีอยู่ในตัวคนเราอย่างไม่จำกัด แต่ข้อจำกัดอยู่ที่ใจของเราเองที่ไปจำกัดว่าเราไม่มี เราไม่ไหว   เราไม่สู้ เช่น เวลาตื่นนอนตอนเช้าถ้าวันไหนเรารู้สึกเบื่อ ท้อ ขี้เกียจ การที่จะลุกขึ้นออกจากเตียงยังยากเลย แทบจะไม่มีแรงต่อสู้กับแรงดึงดูดของเตียง แต่ถ้าวันไหนมีไฟกำลังไหม้บ้าน (แรงผลักที่เกิดจากความกลัว) หรือ เราต้องไปขึ้นเครื่องบินไปเที่ยวต่างประเทศ (แรงดึงที่เกิดจากความอยาก) เราสามารถตื่นและลุกออกจากเตียงได้โดยไม่ต้องลังเล เราสามารถชนะแรงดึงดูดของเตียงนอนได้อย่างง่ายดาย สิ่งเหล่านี้แสดงว่าในความเป็นจริงแล้ว ศักยภาพในตัวเรามีอยู่อย่างไม่จำกัด ขึ้นอยู่กับว่าเรามีสิ่งกระตุ้น (ความอยากและความกลัว) และเทคนิควิธีการ   ในการฉุดดึงเอาแรงจูงใจออกใช้ได้มากน้อยเพียงใดเท่านั้น
          เพื่อให้ชีวิตของเรามีแรงขับเคลื่อนที่มากพอและต่อเนื่อง เทคนิคการสร้างแรงจูงใจจาก 2 แหล่งดังนี้

          1. การสร้างแรงจูงใจ...จากเรื่องราวในอดีต

             ชีวิตคนหนึ่งคน คือ ภาพยนตร์หนึ่งเรื่องที่ถ่ายเก็บไว้ตั้งแต่เกิด แต่ไม่ค่อยมีใครนำมาเปิดใช้ในระหว่างทางของชีวิต ส่วนใหญ่จะเปิดกันก็ต่อเมื่อเข้าสู่บั้นปลายของชีวิต เข้าข่ายที่ว่าคนแก่ชอบเล่าเรื่องเก่าเพราะชีวิตของคนกลุ่มนี้ไม่มีอนาคตแล้ว พลังที่จะช่วยให้ชีวิตของเรายังคงอยู่ต่อไปได้คือกำลังใจจากเรื่องราวในอดีตที่รู้สึกภูมิใจ เล่ากี่ครั้งกี่หนก็ไม่เคยเบื่อ (แต่คนฟังเบื่อไปหลายรอบแล้ว) ถ้าเรายังไม่แก่ ขอแนะนำว่าควรจะนำเอาเรื่องเก่าทั้งที่เป็นจุดด้อยและความภูมิใจในชีวิตที่ผ่านมา มาสร้างกำลังใจให้กับตัวเอง เมื่อไหร่ที่นึกถึงความยากลำบากในชีวิตที่ผ่านมาก็จะทำให้เราเกิดพลังที่จะขับเคลื่อนตัวเองให้หลุดพ้นจากสภาพที่เราเคยลำบากมาก่อน  ในขณะเดียวกันถ้าเรานึกถึงเรื่องที่เราภูมิใจ อาจจะเป็นความสำเร็จในชีวิตที่ผ่าน ก็เท่ากับว่าเราได้ชาร์ตไฟให้กับตัวเองด้วยความภูมิใจในอดีตของตัวเราเอง การสร้างแรงจูงใจจากอดีต ถือเป็นเทคนิคการสร้างแรงจูงใจแบบผลักดัน ให้ชีวิตเราเดินไปข้างหน้า ด้วยเรื่องราวที่ผ่านมาแล้ว เหมือนกับการที่เราเข็นรถยนต์ที่จอดอยู่จากด้านหลังของรถนั่นเอง ตัวอย่างเทคนิคการสร้างแรงจูงใจจากเรื่องราวในอดีต 
1.ใครเบื่อพ่อแม่ขอให้นึกถึงตอนที่เราเจ็บไข้ไม่สบายตอนเด็กๆ ใครเป็นคนเฝ้าดูแลเอาใจใส่เราตลอดเวลา
2.ใครเบื่องานขอให้นึกถึงวันเริ่มงานวันแรก
3.ใครเบื่อสามีหรือภรรยาให้นึกถึงวันที่แต่งงาน
4.ใครเบื่อลูกให้นึกถึงวันที่คลอดลูกหรือไปรอหน้าห้องคลอด
5.ใครเบื่อคนรอบข้างให้นึกถึงวันที่เราเคยไปหลงป่าอยู่คนเดียว หรือวันที่เราต้องอยู่บ้านเดียว
6.ใครเบื่อตัวเองให้นึกถึงวันที่เราเคยให้คำปรึกษาผู้อื่น
2. การสร้างแรงจูงใจ...จากเรื่องราวในอนาคต
    คนบางคน ในบางเวลา เรื่องราวในอดีตอาจจะช่วยสร้างแรงจูงใจให้ไม่ได้ อาจจะเป็นเรื่องในอดีต มีแต่เรื่องที่ช่วยฉุดแรงจูงใจให้ต่ำลงไปอีก จึงขอแนะนำให้ใช้เทคนิคสร้างแรงจูงใจโดยใช้เรื่องราว เหตุการณ์ ในอนาคตมาหลอกล่อหรือดึงดูดใจ การสร้างแรงจูงใจในชีวิตเปรียบเสมือน การที่เราเข็นรถชีวิตที่จอดอยู่นิ่ง ๆ ถ้าไม่สามารถเข็นจากด้านหลังได้ ก็อาจจะต้องใช้วิธีการดึงจากข้างหน้า หรือไม่ก็อาจจะต้องใช้ทั้งสองทางรวมกัน(ทั้งดึงและดัน)
                      สำหรับการสร้างแรงจูงใจจากเรื่องราวในอนาคต เป็นการหลอกตัวเองให้วิ่งไล่จับความฝัน หลอกตัวเองให้กลัวการสูญเสียบางสิ่งบางอย่างในอนาคตไป เป็นการป้องกันคำว่าเสียดายในชีวิต เพราะคนหลายคน มักจะเกิดคำว่าเสียดายในหลายเรื่อง เนื่องจากมาคิดได้ก็สายไปเสียแล้ว วิธีการสร้างแรงจูงใจจากเรื่องราว ในอนาคตเป็นการซ้อมคิดหาคำว่าเสียดายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต แล้วนำเอาความรู้สึกเสียดายนั้นๆ มาใช้ในการสร้างแรงจูงใจ ตัวอย่างเทคนิคการสร้างแรงจูงใจจากเรื่องราวในอนาคต
-ใครเบื่อพ่อแม่ขอให้นึกถึงวันสุดท้ายที่ท่านจากเราไป
-ใครเบื่องานขอให้นึกถึงวันที่เขาจะให้เราออกจากงานหรือวันที่เราจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง
-ใครเบื่อสามีหรือภรรยาให้นึกถึงวันที่เขาจากเราไป
-ใครเบื่อลูกให้นึกถึงวันที่ลูกประสบความสำเร็จ
-ใครเบื่อคนรอบข้างให้นึกถึงวันที่คนเหล่านั้นมาร่วมแสดงความยินดีกับความสำเร็จของเรา
-ใครเบื่อตัวเองให้นึกถึงวันที่เราจะประสบความสำเร็จ

สรุป แรงจูงใจไม่ต้องไปซื้อหาหรือหยิบยืมใครที่ไหน มันอยู่ในตัวของเราอยู่แล้ว เพียงแต่เราจะมีเทคนิควิธีการในการดึงมันขึ้นมาใช้ได้อย่างไร สำหรับเทคนิคที่แนะนำไปนั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ผู้อ่านหลายท่านอาจจะมีเทคนิคเฉพาะของตัวเองอีกหลายวิธี ขอให้ลองฝึกดึงพลังภายในโดยการสร้างกำลังใจให้กับตัวเองบ่อยๆ รับรองได้ว่าชีวิตนี้ไม่มีวันหมด กำลังใจอย่างแน่นอน

ที่มา : www.peoplevalue.co.th

ข้าราชการที่ดีควรปฏิบัติอย่างไร

ผู้แบ่งปันความรู้และประสบการณ์  :  นางสาวนนทลี ศรีมโน
คนดีศรีกรมบัญชีกลาง  :  ข้าราชการส่วนกลางดีเด่น ปี พ.ศ. 2544
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง  :  เจ้าพนักงานการเงินและบัญชีชำนาญงาน
หน่วยงาน :  สำนักกำกับและพัฒนาระบบเงินนอกงบประมาณ
ความรู้และประสบการณ์ที่แบ่งปัน : ข้าราชการที่ดีควรปฏิบัติอย่างไร

          ข้าราชการ คือ ผู้ปฏิบัติงาน หรือผู้บริหารงานของแผ่นดิน
          ข้าราชการที่ดี ควรมุ่งมั่นปฏิบัติงานในหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด เป็นผู้ให้บริการประชาชน โดยยึดมั่นในหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด มีจิตสำนึกตระหนักในความรับผิดชอบที่มีอยู่อย่างเข็มแข็ง สุจริต สื่อสัตย์ และโปร่งใส ข้าราชการควรเป็นต้นแบบและแกนหลักในการสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ดังนั้น ข้าราชการที่ดีควรมีแนวทางในการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและประโยชน์ของส่วนรวม ดังนี้
            1. ทำในสิ่งที่ถูกต้อง หมายถึง ยึดมั่นในความถูกต้อง ดีงาม ชอบธรรม เสียสละ อดทน ยึดมั่นในหลักวิชาและจรรยาบรรณของข้าราชการ และไม่ยอมให้อิทธิพลใด ๆ มาบีบบังคับ
            2. ซื่อสัตย์ และมีความรับผิดชอบ หมายถึง ปฏิบัติงานในหน้าที่ของตนเองด้วยความตรงไปตรงมา มีหลักธรรม โดยแยกเรื่องส่วนตัวออกจากหน้าที่การงาน มีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง และต่อประชาชน ตลอดจนต่อองค์กร เพื่อการพัฒนาประเทศชาติ
            3. โปร่งใส ตรวจสอบได้ หมายถึง ปรับปรุงการทำงานขององค์กรให้มีความโปร่งใส ถูกต้อง เปิดเผย ประชาชนสามารถตรวจสอบได้
            4. ไม่เลือกปฏิบัติ หมายถึง ให้บริการไม่ว่าจะเป็นส่วนราชการด้วยกัน หรือประชาชน ต้องเป็นไปด้วยความเสมอภาค โดยปฏิบัติต่อผู้มารับบริการด้วยความมีน้ำใจ และเอื้อเฟื้อ
            5. มุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน หมายถึง ทำงานในหน้าที่ให้แล้วเสร็จตามกำหนด เกิดประสิทธิภาพและผลดีต่อองค์กรและต่อส่วนรวม ใช้ทรัพยากรของทางราชการให้เกิดความคุ้มค่าเสมือนใช้ทรัพยากรของตนเอง โดยเน้นผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นหลัก


สรุป หากข้าราชการไทยสามารถปฏิบัติทั้งงานในหน้าที่และงานของส่วนรวมได้ตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวข้างต้น จะก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งตนเองและประเทศชาติ

13/3/57

เก่งตน เก่งคน เก่งงาน

ผู้แบ่งปันความรู้และประสบการณ์  :  นางปานทิพย์ วิทยประพัฒน์
คนดีศรีกรมบัญชีกลาง  :  ข้าราชการส่วนกลางดีเด่น ปี พ.ศ. ๒๕๔๑
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง  :  เจ้าพนักงานการคลังชำนาญงาน
หน่วยงาน :  ส่วนบริหารการจ่ายเงิน ๒

       ความรู้และประสบการณ์ที่แบ่งปัน : เก่งตน   เก่งคน   เก่งงาน
           การเป็นคนเก่ง ไม่ใช่ความโชคดี แต่อยู่ที่การฝึกฝน ขัดเกลาสมอง มองโลกในแง่ดี และทำทุกสิ่งอย่างเต็มกำลัง ด้วย
รอยยิ้ม และความเบิกบาน  ทำตัวให้สดชื่น  มีชีวิตชีวาและกระตือรือร้นอยู่เสมอ  พร้อมที่จะเผชิญกับทุกสถานการณ์จะช่วย
ให้สามารถที่จะจัดการกับทุกเรื่องที่ผ่านเข้ามาได้เป็นอย่างดี  มีความมั่นใจ ตั้งใจจริง ที่จะพาตัวเองไปสู่จุดหมาย และมองหา
ผู้ที่เราชื่นชม   เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดี ในการดำเนินรอยตามแนวคิด วิธีการทำงาน  มองจุดเด่นในตัวเขามาปรับใช้ให้ชีวิตก้าวสู่ความสำเร็จ
           เก่งตน   ความเก่งอันดับแรก  ขอให้มีความชำนาญด้านใดด้านหนึ่งเป็นอย่างน้อย  จากนั้นต้องศึกษาหาความรู้อยู่ตลอดเวลา  พร้อมทั้งพัฒนาตนเอง  การแสดงออกลักษณะเข้มแข็ง แต่ไม่แข็งกระด้าง   อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ  แต่งกายให้
เหมาะสมกับกาลเทศะ  การพูด พูดแต่งสิ่งที่ดี และมีประโยชน์  คิดก่อนพูด   เพื่อเป็นที่รักใคร่ชอบพอแก่ทุก ๆ ฝ่ายที่ได้ยิน
ได้ฟัง  มีความมั่นใจ  ความจริงใจ  กระตือรือร้น  มีความมานะพยายาม  ซื่อสัตย์สุจริต มีเหตุผล และมีความคิดสร้างสรรค์
           เก่งคน  ทำตัวให้เป็นที่รักใคร่ชอบพอกับทุกฝ่าย  มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน  ปฏิบัติตนให้อยู่ในระเบียบ วินัย
และจริยธรรม  การทำงานเป็นทีม  แสดงถึงมีความสามารถทำงานกับผู้อื่นได้  ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์กับตนเอง และองค์กร  แม้ว่าตัวเองไม่ได้เก่งไปทุกอย่างแต่ถ้ารู้จักได้ใจผู้อื่นแล้ว  ก็จะได้ผู้ที่เก่งด้านอื่นมาร่วมทำงานให้สำเร็จลุล่วง  ได้เป็นอย่างดี
            เก่งงาน  คนเก่งงานไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในแต่ละหน้าที่  แต่ต้องรู้ถึงความสำคัญของงาน ขอบเขตหน้าที่
ความรับผิดชอบ  มีใจให้กับงาน  ศึกษาและทำความเข้าใจงานนั้น  ว่าจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมขององค์กรอย่างไร   ทำอย่างไรให้สู่เป้าหมายความสำเร็จ  ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค  ช่วยเสนอความคิดเห็น ให้คำแนะนำเพื่อขจัดปัญหาต่าง ๆ
           คนที่มีรอยยิ้ม  เสมือนประตูที่เปิดกว้างให้ใคร ๆ อยากเข้ามาคบหา ด้วยการเจรจาติดต่องาน  ก็มักจะราบรื่นสำเร็จ รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ จะสร้างความเบิกบาน และคลายทุกข์  การทำสิ่งใดแล้วยังไม่สำเร็จอย่างที่หวังไว้ เพียงแต่ขอให้ทำเต็มที่ และเปิดใจให้กว้าง ยอมรับความจริง แล้วหันมาทบทวนดูว่ามีสิ่งใดที่ผิดพลาดไป เพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่ให้ดีกว่าเดิม และถึงแม้จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแล้วอย่าลืมมองมาที่ครอบครัว และ คนรอบข้างด้วย  อย่าทำงานจนลืมพวกเขาและไม่ลืมที่จะมีเวลาให้กับเพื่อนสนิทบ้าง
                       

พลังใจ พลังกาย และพลังในงาน

ผู้แบ่งปันความรู้และประสบการณ์  :  นางสาวประเทืองทิพย์ ธีรเวชเจริญชัย
คนดีศรีกรมบัญชีกลาง  :  ข้าราชการส่วนกลางดีเด่น ปี พ.ศ. 2540
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง  :  คลังจังหวัดสุโขทัย
หน่วยงาน :  สำนักงานคลังจังหวัดสุโขทัย
  ความรู้และประสบการณ์ที่แบ่งปัน : พลังใจ พลังกาย และพลังในงาน  
         
พลังใจ: ใจที่ถูกฝึกให้คิดและมองข้อดีของผู้อื่น ทำให้มีพลังใจในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
     ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2534 ข้าพเจ้าไปดำรงตำแหน่งนักวิชาการคลัง หัวหน้าฝ่ายของข้าพเจ้าในสมัยนั้น ให้คำแนะนำด้วยการมอบหนังสือให้เล่มหนึ่ง เมื่อข้าพเจ้าพลิกอ่านดู เป็นหนังสือของหลวงวิจิตรวาทการ ซึ่งสาระของหนังสือเล่มนี้สรุปได้ว่า คนส่วนใหญ่มักจะติดยึดกับการมองข้อเสียของคนอื่นแทนการมองข้อดีของผู้อื่น และสอนให้เปลี่ยนมุมมอง โดยมองข้อดีของผู้อื่น แล้วนำมาพิจารณาเติมเต็มในส่วนที่เรายังขาดอยู่  หนังสือเล่มนี้สอนให้ข้าพเจ้าฝึกใจให้มองข้อดีของผู้อื่น จากวันนั้นถึงวันนี้ ข้าพเจ้ามองเห็นข้อดีและคำแนะนำที่ดีมากมาย ตัวอย่างเช่น
 1.การทำงานแบบเป็นระบบ โดยมองภาพใหญ่ของทั้งชิ้นงานก่อน แล้วนำมาแยกทำในรายละเอียดเป็นส่วนๆ ตามเจ้าภาพในการทำงาน ก่อนที่จะนำงานมาประกบเชื่อมโยงกันเป็นภาพใหญ่ที่ทำเสร็จแล้ว
  2.คุณธรรมในข้าราชการ : รับราชการผลตอบแทนน้อย ขอให้คิดว่า เรามาทำงานเพื่อตอบแทนคุณของแผ่นดิน
   ใจที่ถูกฝึกให้คิดและมองข้อดีของผู้อื่น ทำให้มีพลังใจในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง

พลังกาย: กายที่ถูกฝึกให้ทำงานที่ยากและมากกว่าคนอื่น
        ข้าพเจ้ารับทราบจากหัวหน้าฝ่ายในสมัยนั้นว่า ตั้งใจฝึกให้ข้าพเจ้าทำงานที่ยากและมากกว่าคนอื่น ประเด็นที่เห็นชัดเจน คือ ข้าพเจ้าถูกมอบหมายให้ทำงาน 2 ที่ในคราวเดียวกัน โดยทำงานแทนข้าราชการที่ลาคลอดบุตร ถึง 2 ราย ซ้อนต่อเนื่องกัน กายที่ถูกฝึกให้ทำงานที่ยากและมากกว่าคนอื่น ทำให้ข้าพเจ้ามีโอกาสในการสะสมประสบการณ์ในการทำงานที่หลากหลาย ภายใต้สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ส่งผลให้มีความพร้อมกับการทำงานในด้านต่างๆ มากขึ้น

พลังในงาน: ความพร้อมในการทำงานที่มุ่งผลสัมฤทธิ์
       พลังใจและพลังกายที่ถูกฝึก ส่งผลให้มีความพร้อมทั้งด้านร่างกายและจิตใจในการทำงานทั้งงานประจำ (Routine) และงานคิดพัฒนา (Create) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันผลผลิต (output) และผลลัพธ์ (outcome) ของกรมฯ
จากข้อมูลข้างต้น พลังใจในการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง พลังกายในการทำงานที่ยากและมากกว่าคนอื่น และพลังในงานที่มุ่งผลสัมฤทธิ์ที่หล่อหลอมจากการเป็นส่วนหนึ่งของกรมบัญชีกลาง จนถึงวันนี้ข้าพเจ้าขอขอบคุณ ผู้บังคับบัญชาทุกท่าน ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ที่คอยชี้แนะและสั่งสอน ขอบคุณกรมบัญชีกลางที่ให้โอกาสได้มาเป็นส่วนหนึ่งของกรมบัญชีกลาง ข้าพเจ้าจะสร้างสมและรวม 3 พลังดังกล่าวเพื่อกรมบัญชีกลางต่อไป
ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า ที่ข้าพเจ้ากล่าวมาทั้งหมดเป็นเพียงพลังส่วนหนึ่งของท่านผู้อ่านที่มีต่อกรมบัญชีกลางเฉกเช่นเดียวกัน  

ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเดินทางสายกลางในการดำเนินชีวิต

ผู้แบ่งปันความรู้และประสบการณ์  :
นางสาวธัญพร   (ชื่อเดิม ดวงพร)  พุทธรังษี
คนดีศรีกรมบัญชีกลาง  :  ข้าราชการพลเรือนดีเด่น ปี พ.ศ. 2548
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง  :  พนักงานพิมพ์
หน่วยงาน :  กองการเจ้าหน้าที่

ความรู้และประสบการณ์ที่แบ่งปัน : ยึดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเดินทางสายกลางในการดำเนินชีวิต

เราเกิดมาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลก เรามีบิดา มารดา พี่น้อง และเพื่อน ๆ รวมทั้งเพื่อนร่วมงาน ซึ่งเป็นบุคคลรอบข้าง เราจึงต้องมีน้ำใจโอบอ้อมอารี นึกถึงจิตใจของเขา เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง มีน้ำใจช่วยเหลือ  ให้ความร่วมมือกับกิจกรรมของส่วนรวม ให้ความเคารพผู้บังคับบัญชา ให้ความสำคัญกับทุกๆ คน เดินทางสายกลาง ปฏิบัติตนอยู่ในกรอบศีลธรรม และกฎ ระเบียบ ของสังคม ดูแลสุขภาพตนเอง แต่งกายสะอาด ออกกำลังกายบ้างตามสมควร คำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง พอใจในสิ่งที่เรามีและใช้ให้พอดีตามคำสอนของพ่อหลวงของเรา มีความซื่อสัตย์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ขยัน อดทน มีความรับผิดชอบต่องาน โดยปฏิบัติงานในหน้าที่และที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วงทันเวลาตามความต้องการของผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงาน